1. การเป็นเจ้าของธุรกิจที่เก่งและดีอาศัยความสามารถเเละประสบการณ์การทำงานมากกว่าการได้รับสืบทอดมรดกมา
2.เจ้าของธุรกิจมีที่มาได้ 3 ทาง คือรับช่วงต่อ สร้างขึ้นเอง หรือไปซื้อกิจการอื่นมาเป็นของตัวเอง ทั้งสามเเบบนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้
3. เเต่ไม่ว่าจะมาทางไหน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงที่จะนำพาธุรกิจนั้นให้เดินหน้าต่อไป
4.เราสามารถเเบ่งรูปเเบบการทำงานของเจ้าของธุรกิจได้คือ เถ้าเเก่ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน
5.เถ้าเเก่ที่ทำงานด้วยตัวเอง มีความรักความผูกพันกับธุรกิจที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเองกับมือสูงมาก รวมถึงความผูกพันกับลูกน้องด้วย ส่วนมากนักธุรกิจพวกนี้จะไม่ยอมเลิกกิจการ เเต่จะยอมให้ค่อยๆเล็กลงไปตามสภาพ เเละมีความคาดหวังสูงที่จะให้ลูกหลานมาสืบทอดต่อ
6.เจ้าของเเบบผู้ประกอบการหรือ Entrepeneur เป็นเจ้าของมืออาชีพที่เลือกเก็บธุรกิจที่ผลตอบเเทนดี ธึรกิจไหนทำเเล้วไม่คุ้มค่าเสียเวลา จะตัดสินใจขายได้ง่ายไม่ลังเลเพราะตัวเองไม่ได้มีความผูกพันกับมันสักเท่าไร เจ้าของลักษณะนี้จะไม่ได้ทำงานรายวันเอง เเต่จะใช้วิธีจ้างคนนอกมาช่วยเป็นส่วนใหญ่
7.เจ้าของเเบบนักลงทุนคือเป็นเจ้าของในนามเเต่ไม่ได้มาช่วยทำงาน มักจ้างผู้จัการมาจัดการระบบ เราอาจจะเรียกเขาว่า หุ้นส่วน ก็ว่าได้
8.ไม่ว่าเป็นเจ้าของธุรกิจเเบบไหน เเต่ละคนก็มี ความเสี่ยง ความกังวล เเละความรับผิดชอบทั้งนั้น
9.ความเสี่ยงคือเงินลงทุนที่ลงไปจะได้กลับคืนมาไหมเเละเมื่อไหร่ ผลตอบเเทนคุ้มค่าเหนื่อยเเละเสียเวลาหรือไม่ รับคนเข้ามาทำงานเเล้วจะช่วยงานได้อย่างคาดหวังไหม เรียกว่าทุกการตัดสินใจมีความเสี่ยงทั้งสิ้น
10.ความกังวลคือตัวเลขผลประกอบการของบริษัท เงินสดพอไหม ตามเก็บหนี้ได้หรือเปล่า ซึ่งความรู้สึกพวกนี้ ลูกน้องจะไม่ได้สัมผัสเลย
11.ความรับผิดชอบคือการที่เวลามีปัญหา เจ้าของจะต้องโดนก่อน พนักงานบริการไม่ดี ขับรถไม่สุภาพ เจ้าของก็โดนด้วย ในฐานะเป็นเจ้าของต้องเข้าใจเรื่องนี้เเละคิดให้ดีก่อนตัดสินใจเริ่มธุรกิจ
12.สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำคือทำให้ลูกน้องเข้าใจเเละมีความรู้สึกร่วมกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
13.สิ่งนั้นเรียกว่า การสร้างความรู้สึกเข้าใจหัวอกของการเป็นเจ้าของธุรกิจ เมื่อลูกน้องเห็นว่ามีเรื่องคิดเยอะ ทุกคนจะได้ช่วยกันถูก
14.การเป็นเจ้าของธุรกิจยุคนี้ ไม่ใช่การทำเองทุกอย่าง เเต่ต้องเข้าใจการทำงานทุกอย่างเเละทุกขั้นตอน รวมถึงการเข้าใจภาพใหญ่ของธุรกิจว่าต้องเดินหน้าไปทิศทางไหน
15.จำเป็นต้องสื่อสารให้ทุกคนในบริษัทรู้ว่าเราต้องการเดินหน้าไปทางไหน เเละอัพเดตอยู่เรื่อยๆ
16.ทุกครั้งที่เห็นว่าต้องเปลี่ยนเเผนเปลี่ยนกลยุทธ์ ต้องกล้าสั่ง กล้าเปลี่ยนทิศทาง ไม่ต้องเกรงใจลูกน้อง เพราะการเเข่งขันในยุคนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน ยิ่งเราเเก้สถานการณ์เร็ว ยิ่งได้เปรียบคู่แข่ง
17.เจ้าของไม่ใช่เทวดาที่เเก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ต้องหัดเเบ่งงานให้ลูกน้อง ควรรู้เวลาไหนควรจัดการอะไรก่อน อะไรหลัง
18.เจ้าของห้ามลำเอียง เลือกข้างเด็ดขาด
โลกเราสมัยนี้มีโอกาสมากมายให้ทุกคนที่พร้อมเเละอยากเป็นเจ้าของธุรกิจทำฝันให้เป็นจริง