เราเห็นนักเล่าเรื่องเก่งๆหลายคนในเมืองไทยที่เล่ากี่ที กี่เรื่อง ก็น่าสนใจ น่าติดตาม อย่างเช่น พี่โน๊ต อุดม แต้พานิช ที่เล่าเรื่องตลกเก่ง หรือคุณป๋อง กพลที่เป็นโปรในการเล่าเรื่องผี คุณเคยสังเกตุไหมว่าคนที่เล่าเรื่องเก่ง มีคุณสมบัติอะไรที่เหมือนกันบ้าง
1.ชื่อโดนๆ : บางคนเล่าเรื่องผี ตั้งชื่อเรื่องมาก็สยองเเล้ว หรือเล่าเรื่องตลก ก็ฮากันตั้งเเต่ชื่อเรื่อง
2.บรรยากาศเหมาะๆ: ปิดไฟ ใช้เวที แต่งหน้าแต่งตัว จัดมาเต็ม
3.บุคลิกเตะตา: ตั้งแต่เปิดตัว ลีลาการเล่า เข้ากับเรื่อง และเป็นตัวของตัวเอง
4.มีเครดิตต้องใช้: ประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน เช่น “ผมเป็นหมอผ่าตัดมานาน เจอคนไข้อาการหนักก็มาก แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะเจอผี” เป็นต้น
5.เสียงได้อารมณ์: เล่าเรื่องผีเสียงต่ำ เสียงตกใจ ส่วนเรื่องตลกก็ใช้เสียงมึนๆ หรือเสียงแหลมๆ แล้วแต่สถานการณ์
6.นักแสดงมาเอง: เล่าทั้งร่าง คือใช้ร่างกายทุกส่วนนำพาคนดูไปสู่สถานที่ เวลา และบรรยากาศที่เกิดเหตุ
7.พาไปสถานที่จริง: เปลี่ยนคำพูดให้กลายเป็นภาพ เล่าภาพในจินตนการที่ปูมา นำคนดูไปสู่สถานที่จริงได้เลย ทำให้คนฟังอินตามได้ไม่ยาก
8.อารมณ์ขันหรรษา: บางทีเรื่องเครียดเกินไปก็แอบใส่อารมณ์ขันคั่นรายการ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น
9.Surprise คาดไม่ถึง: นักเล่าเรื่องส่วนมากจะมีเรื่องหักมุม พลิกเรื่องกันไปมา ทำให้คนดูคาดไม่ถึง ตกใจ อึ้งกันไปโดยไม่รู้ตัว
10.จบให้จำ: จบเรื่องด้วยข้อคิดหรือประโยคเด็ดๆ หักมุม แรงๆ มุขตลก โดนๆ หรือคำคม
คุณทุกคนเป็นนักเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่กันอยู่แล้ว เพราะต่างก็ฟังนิทานกันมาตั้งแต่เด็ก
หากคุณฝึกการเล่าเรื่อง ทักษะนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณมากในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นด้านการงานหรือเรื่องส่วนตัว
จงจำไว้ว่า
นักเล่าเรื่องมีอำนาจที่สุดในโลก