วิ่งทะลุกรอบ Trading Range Breakout


0

Trade Setup แรกเรียกว่า WTZ-1 Range Break จะเกิดขึ้นในขณะที่ ราคาเหวี่ยงออกข้างเป็น Sideway หลายวันจนเกิด Trading Range โดยปกติควรจะเหวี่ยงขึ้นลงในกรอบออกข้าง มากกว่า 20 แท่ง โดยประมาณ ถ้าเป็นกราฟ Day ก็ 20 วันในกราฟ 60 นาที ก็มากกว่า 20 ชั่วโมง ลักษณะที่จะสังเกตุได้คือ Wave และ Tunnel อาจจะเข้ามาใกล้กัน และทับซ้อนกันอยู่ตรงกลางของแนวรับแนวต้าน และแท่งราคาจะเหวี่ยงทะลุขึ้น ทะลุลง อยู่ในกรอบแนวรับแนวต้าน

อาจจะพบราคาเกิด False Break ที่วิ่งทะลุแนวต้านขึ้นไปแล้วย้อนกลับเข้ามาในแนวต้าน หรือราคาทะลุแนวรับลงไปแล้วย้อนกลับเข้ามาอยู่ในแนวรับอีกก็ได้

ไม่ว่าราคาจะ Break Out ขึ้นหรือลงจะมีลักษณะที่เหมือนกันอยู่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรูปแบบนี้ ทำให้เราสามารถจับจังหวะในการเทรดได้

อย่างแรก คือบริเวณจุด A ที่เป็นจุดเริ่มต้น มักจะพบราคากับ Indicator มีสัญญาณ Divergent ให้เห็น และราคาจะกลับตัววิ่งกระชากจากจุด A ไปจุด B ข้ามเส้น Wave และ Tunnel ไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ Volume ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ถัดไป คือ เมื่อราคาข้ามเส้นทั้ง Wave และ Tunnel ไปได้แล้ว ซึ่งส่วนมากพบว่าราคาวิ่งกลับขึ้นมาเกินครึ่งหนึ่งของความสูงระหว่างแนวรับกับแนวต้านจากนั้นราคาจะพักตัว อาจจะพักตัวกลับมาที่เส้นค่าเฉลี่ย หรือวิ่งยาวไปพักตัวใกลๆแนวรับด้านบนก็ได้ และการพักตัวนั้นจะไม่ถึง 50% ของระยะ AB ส่วนมากจะพักตัว 38.2% ของระยะ AB เท่านั้น

สุดท้ายคือ ราคาจะกลับตัววิ่งทะลุแนวรับของ Trading Range ขึ้นไปซึ่งจะเป็นแนว 100% ของเส้น Fibonacci และจะวิ่งไปชะลอตัวหรือหยุดที่แนว 127.2% – 138.2% เกิดจากมีแรงขายออกมาบางส่วน

ถ้าราคานี้ผ่านไม่ได้เพราะโดนแรงขายจำนวนมากก็จะวิ่งย้อนกลับเข้ามาใต้แนวต้านก็ถือว่าจบรอบการเทรด

แต่ถ้าราคาผ่านตรงนี้ไปได้ก็จะขึ้นต่อไปที่แนว 161 8% หรือบางทีราคาวิ่งรวดเร็วโดยไม่ถอยมาเลยแล้ววิ่งยาวถึงแนว 200% ก็ได้ถ้าจะพบเห็นได้บ่อยนะส่วนมากจะพบว่ามีแรงขายที่แนว 161 8% แล้วพักตัวก่อนจากนั้นถ้ายังมีแรงซื้อเหลือพอที่จะขึ้นก็อาจจะวิ่งขึ้นต่อไปที่แนวตรงร้อยเปอร์เซ็นต์แต่จะวิ่งไปแบบไม่ค่อยมีแรง indicator ก็จะแสดงสัญญาณ divergent ออกมาให้เห็นในขณะที่ราคาวิ่งจากเส้น 161.8% ไปที่เส้น 200%

สำหรับขาลงก็เป็นอาการแบบเดียวกันก็ลองปรับทิศแล้วไล่เรียนอาการตามที่อธิบายมาเพียงแต่ว่าในขาลงราคาจะวิ่งลงเร็วกว่ามากและส่วนมากราคาจะลงจากจุด a ไปทำจุด B ใกล้ๆแนวรับด้านล่างเลย 

ดังนั้นจังหวะในการเข้า Open Position ของรูปแบบนี้ก็จะเป็นการ break ราคาในจุด B ซึ่งราคาจะข้ามเส้น  Wave และ Tunnel ไปแล้วนั่นเอง แต่จะต้องระวังที่แนวรับแนวต้านที่เป็น High หรือ low เดิมของ Trading  Range ว่าราคาจะข้ามผ่านได้หรือไม่แต่ไม่แนะนำให้เปิดสถานะตรงที่ราคา breakout แนว 100% เพราะราคามีโอกาสไปแค่แนว 127.0 เปอร์เซ็นต์แล้วถอยกลับลงมาเป็น False Break ก็ได้และไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเปิดสถานะเพื่อทำกำไรเพียงเล็กน้อย

ลองดูภาพตัวอย่างด้านล่างเป็นการ Break Out วิ่งขึ้นแรกเริ่มราคาเวียงหมอกข้างอยู่ระหว่างแนวราคา 857.0 ถึง  880.89 จุด  เป็นแนวรับแนวต้านตีเส้น Fibonacci ไว้สังเกตราคาบริเวณจุดจะมีวอลลุ่มเพิ่มขึ้นและราคาลากวิ่งขึ้นข้ามเส้น Wave และ Tunnel ไปอย่างรวดเร็วแล้วพักตัวจากนั้นสะบัดกลับวิ่งขึ้นต่อจะเห็นเรามีจังหวะเข้าได้ 2 จุด

จุดแรก Open Long 1  ตรงนี้เปิดสถานะด้วยวิธีการ Break Out เส้น EMA34 Wave แล้ววาง Stop Loss ฝั่งตรงข้ามเส้น EMA 34 Wave อีกจุดก็คือ Open Long 2 ตรงนี้ใช้วิธีเข้าด้วย Break Out เส้น Tunnel คือพอราคาทะลุไปได้แท่งแรกรอให้ราคาพักแล้วสะบัดกลับไปต่อก็ค่อยเปิดสถานะแล้ววาง Stop  ที่แนวกลับตัวของราคาตรง Stop 2

รูปแบบนี้มีความเสี่ยงตรงที่เปิดสถานะป้ายเส้นแนวต้านซึ่งราคาอาจจะไม่ผ่านแนวต้านก็ได้ก็จะทำให้เข้าไปแล้วอาจจะต้อง Stop Loss ปิดสถานะไปเพราะราคาไม่ Break Out แล้วออกข้างต่อถ้าราคาวิ่งข้ามแนวต้านไปได้แล้วให้เราวัดระยะที่ CD=AB เพื่อคาดการณ์เป้าหมายราคาเพื่อทำกำไรโดยพิจารณาแนว 127.2 เปอร์เซ็นต์ถึง 138.2 เปอร์เซ็นต์ ของ Fibonacci ที่เราตีเส้นไว้บนแนวรับแนวต้านประกอบด้วยว่าใกล้เคียงกันหรือทับซ้อนกันก็ถือว่าเป็นแนวราคาที่อาจจะเป็นเป้าหมายได้ 

WTZ-1 Range Break เป็นรูปแบบที่ราคาพักตัวออกค่าระยะเวลาพอสมควรแล้วเลือกข้างในการระเบิดพลังออกมาซึ่งจะขึ้นหรือลงก็ได้ดังนั้นราคาที่วิ่งมาเป็นเทรนมีแนวโน้มชัดเจนก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางของแนวโน้มราคาอาจจะชะลอตัวพักออกข้างแล้วค่อยเลือกทิศทางที่จะไปต่อก็จะเข้าทางในรูปแบบการเทรดของ WTZ-1 แต่ถ้าราคามีการเปลี่ยนทิศทางของแนวโน้มแบบฉับพลันทันทีหรือที่เรียกกันว่ากลับตัวแบบ V Shape ก็อาจจะใช้ Trade Setup นี้ไม่ได้


Like it? Share with your friends!

0

Comments

comments